ไม่ขอร่วงวง! เปิดเหตุผลที่ เสือใต้-เสือเหลือง ปฏิเสธการเข้าร่วมซูเปอร์ลีก
20 เมษายน 2564, 17:42 น. · 299
ข่าวฟุตบอลล่าสุด เปิดสาเหตุสำคัญว่าทำไม บาเยิร์น มิวนิค และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ไม่ขอเข้าร่วมการแข่งขันซูเปอร์ลีก ที่บรรดาทีมใหญ่ๆ ของทวีปยุโรปประกาศแยกตัวไปตั้งกันเองเมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน ที่ผ่านมา
ฮันส์-โยอัคคิม วัตซ์เค่ ซีอีโอ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เป็นตัวแทนของศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ออกมาประกาศยืนยันอย่างชัดเจนว่าทั้ง บาเยิร์น มิวนิค และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จะไม่ขอเข้าร่วมการแข่งขันซูเปอร์ลีก ที่บรรดาทีมใหญ่ๆ ของทวีปยุโรปประกาศแยกตัวไปตั้งกันเองเมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน ที่ผ่านมา
เวลานี้มี 12 สโมสรฟุตบอลยักษ์ใหญ่ของทวีปยุโรปต่างออกมาประกาศเจตนารมณ์ที่จะจัดตั้งรายการใหม่ชื่อ ซูเปอร์ลีก อย่างเป็นทางการ ซึ่งประกอบไปด้วย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เชลซี, อาร์เซน่อล, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, ยูเวนตุส, เอซี มิลาน, อินเตอร์ มิลาน, เรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่า และ แอตเลติโก มาดริด โดยพวกเขาระบุสถานะของตัวเองเป็น "สโมสรผู้ก่อตั้ง" (Founding Clubs) พร้อมบอกว่าจะมีอีก 3 ทีมที่จะเข้าร่วมสถานะดังกล่าวก่อนที่จะเริ่มการแข่งขัน ซูเปอร์ลีก เป็นครั้งแรก
อย่างไรก็ตามกลับไม่มีชื่อของสองทีมยักษ์ใหญ่จากบุนเดสลีกา เยอรมัน อยู่ในลิสต์ครั้งนี้ ซึ่งล่าสุด วัตซ์เค่ เป็นตัวแทนได้ออกมาชี้แจงถึงเหตุผลที่สองทีมชั้นนำเมืองเบียร์จะไม่ขอร่วมวงเล่นซูเปอร์ลีกด้วย โดยให้เหตุผลว่าต้องการที่จะปรับปรุงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกในโฉมใหม่ มากกว่าการย้ายไปเตะรายการอื่น
"หลังจากมติในการประชุมของสมาชิกของสหพันธ์สโมสรยุโรป (ECA) เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยได้ปฏิเสธที่จะสร้างซูเปอร์ลีกขึ้นมา และวางแผนที่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ให้สำเร็จ ทั้งสองสโมสรในเยอรมันเป็นตัวแทนของคณะกรรมการ ECA, และ บาเยิร์น มิวนิค กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เห็นด้วย 100% กับมติในที่ประชุมทั้งหมด" วัตซ์เค่ กล่าว
ทั้งนี้สโมสรกีฬาอาชีพส่วนใหญ่ใน เยอรมนี ซึ่งรวมถึง บาเยิร์น กับ ดอร์ทมุนด์ ด้วยนั้น บริหารงานกันด้วยกฎที่เรียกว่า "50+1" โดยหลักๆ แล้วมันมีขึ้นเพื่อปกป้องการที่สมาชิกของสโมสร (หรือแฟนบอล) จะได้มีสิทธิ์เป็นเจ้าของทีม มันถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้นักลงทุนรายใดรายหนึ่งถือสิทธิ์ควบคุมอำนาจของสโมสรแบบเบ็ดเสร็จได้ ซึ่งการที่นักลงทุนกุมอำนาจภายในสโมสรได้อย่างเบ็ดเสร็จแบบนั้นเกิดขึ้นกับสโมสรใน พรีเมียร์ลีก ในช่วงที่ผ่านมา